วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

[แลกเปลี่ยนความคิดเห็น] สำหรับคนชอบเขียนไดอารี่




คนเราย่อมมีเหตุการณ์ที่ประทับใจกันทั้งนั้น

ทั้งเรื่องสนุกๆ เรื่องที่ทำให้เรามีความสุข แต่ความทรงจำของมนุษย์เป็นสิ่งไม่แน่นอน

ถ้าลืมไปล่ะก็น่าเสียดายแย่ เพราะบางครั้งเราก็ลืมไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

เวลาของคนเราจะว่าผ่านไปเร็วก็ใช่ นานก็ใช่

มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะจำเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นได้ตลอดไป

นั่นเป็นเหตุผลที่เราชอบเขียนบันทึก หรือไดอารี่นั่นเอง



มีหลายคนนะที่เขียนไดอารี่จนเป็นกิจวัตร รู้ตัวอีกทีมันก็เป็นชีวิตจิตใจไปเสียแล้ว

ไม่ว่าตอนนั้นเราจะอายุน้อยแค่ไหน ลายมือบรมห่วยแค่ไหน

แต่พอเราโต กลับมาอ่าน ก็อดยิ้มไม่ได้



ตัวเราเริ่มเขียนไดอารี่ตั้งแต่ ป.6

เริ่มจากเขียนในสมุดเรียน...ไปซื้อสมุดเล็มเล็กๆมา....เล่มใหญ่ขึ้นไปอีก เล่มใหญ่ขึ้นไปอีก

ประทับใจอะไรก็เขียน เจอเรื่องสนุกๆก็เขียน บางหน้าก็เป็นไดอารี่ภาพค่ะ

และถ้าเปิดอ่านไม่ระวังมักจะเจออะไรบางอย่างปลิวออกมาอยู่เรื่อยเลยค่ะ (หัวเราะ)


นั่นคือใบไม้และดอกไม้ที่เราทับเอาไว้นั่นเอง

ใบโคลเวอร์บ้าง พืช ดอกไม้นู่นนี่นั่น ที่ได้รับในวันต่างๆจากหลายๆคน


ถึงจะแปะใบโคลเวอร์เหมือนๆกันไว้หลายๆใบ แต่ว่า! แต่ละใบไม่ได้มาจากที่เดียวกันนะคะ

บ้างก็เก็บมาจากตอนทัศนศึกษา วัด ข้างทาง และสถานที่ต่างๆที่ไปเที่ยว

ตอนไปงานอีเวนหรือไปบุกกรุงเทพหาซื้อของที่อยากได้

ก็มักจะมีพืชอะไรติดมือกลับมาแปะไว้ให้นึกถึงช่วยเวลานั้นอยู่ตลอด


ของเล็กๆ น้อยๆ มันอาจดูไร้ค่า แต่เราก็เก็บเอาไว้หมดนั่นแหละค่ะ

และมักเขียนกำกับไว้ด้วยว่า 'ใครให้' หรือ 'ไปเจอมาที่ไหน'


คนที่ชอบถ่ายรูป การมีกล้องคู่ใจก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ

มันเป็นอีกหนึ่งวิธีเก็บความทรงจำที่ดีที่สุด


ตอนนี้เราไม่ค่อยมีรูปของตัวเองเมื่อก่อนเลย

ตอนนี้ถึงยังไม่มีกล้อง แต่เพื่อนๆก็แอบถ่ายไว้ให้บ้าง รู้สึกขอบคุณเพื่อนๆมากๆ


-  ขอถามคนอ่านบ้างได้มั้ย? -

ชอบเขียนไดอารี่แค่ไหนคะ?

ทำไมถึงเขียนล่ะ?

เริ่มเขียนตั้งแต่เมื่อไหร่?

ในไดอารี่ของคุณมีอะไรบ้าง?

รู้สึกยังไงเวลาได้อ่านบันทึกเก่าๆของตัวเอง?

เรื่องที่เขียนส่วนใหญ่คือเรื่องเกี่ยวกับอะไร?




มาพูดคุยกันได้นะคะ ^ ^







วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มาเก็บเงินกันเต๊อะ! [เคล็ดลับง่ายๆในการเก็บเงิน]




สวัสดีค่า

ไม่หลับไม่นอนก็ลุกขึ้นมาเขียนบล็อกอีกตามเคย


ทุกคนก็ย่อมมีของที่อยากได้ค่ะ

หลายท่านเป็นนักสะสม และมักจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้มันมาในครอบครอง!

และบางท่านก็กินแกลบไม่ว่าจะเพราะเพิ่งหลุดมาจากงานนู่นนี่นั่น

หรือทุ่มเงินไปซื้อของบางอย่างที่อยากได้



เราที่กินแกลบเป็นประจำ พยายามเก็บตังค์และงกจนโดนว่าว่าหน้าเลือดตลอด

เข้มงวดกับเงินมาก พอเก็บไม่ตรงตามตารางที่กำหนดก็เริ่มกุมขมับ

แต่ทั้งๆที่เพื่อนเห็นว่าหน้าเลือดปานนั้นแล้วก็ยังไม่เลิกยืมเงินกันสักที (เหงื่อตก)

เงินจึงรวนเพราะเพื่อนไม่คืนตังค์!! (แต่ก็ยังให้ยืมต่อไปไม่รู้จักเข็ด)

พอนึกถึงของที่อยากได้ ก็นั่งมืดมนอยู่คนเดียว

"ทำยังไงถึงจะเก็บเงินขึ้นแบบสบายๆสักที!!!!"



วันนี้จึงอยากเขียนถึงวิธีการเก็บตังค์ง่ายๆ

และเป็นการเตือนสติตัวเองไปด้วย




1. "เป้าหมาย" คืออะไร?

เหนือสิ่งอื่นใด ต้องตั้งเป้าไว้ก่อนจะพุ่งชน

ถ้าไม่มีเป้าหมายแล้วจะชนอะไร เราจะเก็บเงินไปทำไม จริงไหม?

ลองนึกภาพความสำเร็จที่เราได้สิ่งนั้นมาในครอบครองในที่สุดดูสิคะ มีความสุขน่าดู~ (*´﹀`*)


2. เตรียมกระปุกเป็นของตัวเอง!

ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า โหล กล่อง หรือจะขุดหลุมฝังก็ได้(?)

ส่วนเราใช้เป็นกระเป๋าใบนึงสำหรับเก็บเงินโดยเฉพาะไปเลย


3. เขียนตารางเก็บเงิน!

ข้อนี้อาจไม่เขียนก็ได้ แต่พอเขียนว่าวันนู้นวันนี้ต้องเก็บเท่านี้

แล้วเอาเงินของแต่ละวันมาบวกล่วงหน้า พอเห็นผลลัพธ์ที่ถ้าเราทำได้

แล้วเราจะเก็บได้ทั้งหมดเท่าไหร่ ก็จะรู้สึกมีแรงฮึดขึ้นมาค่ะ


4.ฝึกสมาธิ หักห้ามใจตัวเองให้ได้!

อย่าไปหลงใหลในของจุกจิกที่ไม่จำเป็น

ขนมมันก็แค่ของกินเล่น ถ้าไม่หิวจริงอย่าซื้อ หรือซื้อของที่เน้นอิ่มๆดีกว่า

นึกถึงเป้าหมายของเราไว้ค่ะ !


5. อย่าใจดีจนเกินไป!

เรื่องยืมเงินเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ควรพิจารณาให้ดีว่าเขา

ยืมเงินเราไปทำอะไร ไม่มีค่ารถกลับบ้าน? หิวปางตาย? จำเป็นแค่ไหน

ถ้าเป็นเรื่องไม่คุ้มค่า หรือไร้สาระแล้วล่ะก็ ไม่ให้ยืมดีกว่านะคะ

อ้อ แล้วอย่าลืมทวงคืนให้ไวด้วยนะเออ

ไม่งั้นคนยืมอาจติดนิสัย แล้วก็คืนช้าอยู่เรื่อยๆ


6. อย่ามองข้ามเจ้าเหรียญทั้งหลาย!

เหรียญเล็กๆน้อยๆมันก็อาจกลายเป็นเงินกองโตๆได้เหมือนกัน

ถ้าไม่รู้จะจัดการยังไงดี มันเกะกะ ก็ทิ้งไปซะ! ทิ้งลงกระปุกเลย!


7. ความพยายามที่เสมอต้นเสมอปลาย!

อย่าท้อเป็นอันขาดไม่งั้นจะพังเอานะ

ตอนแรก แน่นอนเราต้องเต็ม 100 อยู่แล้ว แต่ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาพอสมควร

ยิ่งตั้งเป้า(ราคา)ไว้สูงเท่าไหร่ เวลาก็ยิ่งใช้เวลานานเท่านั้น

และความพยายามก็ต้องมากตามไปด้วย

เพราะหากเวลาล่วงเลยไปเรื่อย ความตั้งใจของเราเองก็จะหย่อนตามเช่นกันค่ะ


8. เตรียมแผนสอง...!

คนที่เก็บตังค์ก็มีอยู่ทุกเพศทุกวัย

วัยรุ่น วัยเรียน มันเยอะใช่ย่อย เงินไปโรงเรียนก็เอาไปปกติและออมปกติ

แต่ทว่า อย่าพกเงินมากๆ หรือเผลอเอาเงินที่ตั้งใจจะออมติดตัวมาด้วย

เราจะเผลอตาลายตอนไหนไม่มีใครรู้

ถ้าไม่เอามาซะอย่าง ก็ใช้เงินไม่ได้แล้วใช่มั้ยล่ะ

แต่ไม่ใช่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนนะคะ ทิ้งเงินไว้บ้านหมดแล้วไม่มีใช้ที่จำเป็น เป็นต้น


9. งาน Past Time และงานเสริม!

ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ในวัยที่จะทำงานได้เงินเดือนมั่นคง

เพราะส่วนใหญ่ก็เรียนอยู่ เราก็มาทำเรื่องที่พอจะทำได้ดีกว่า

อย่างงานพาร์ทไทม์ เลือกงานที่ไม่หนักเกินมือเราจนเกินไป

อาจจะหาเพื่อนทำด้วยยิ่งดี มันสนุกไปอีกแบบนะถ้าเรามุ่งมั่นจริงๆ

หากผู้ที่สะดวกทำงานเสริมได้ จะยิ่งดีขึ้นไปอีกค่ะ


10. อย่าไปสุงสิงกับของยั่วมากเกินไป!

คนเรามันห้ามกันไม่ได้หรอก

ที่จะใฝ่ของที่เราชอบ แต่ถ้ามันยั่วมากเกินจนเราเริ่มหวั่นไหว

แล้วเรารู้สึกอยากเปลี่ยนใจ จะลำบากเอานะ




ทั้งหมดนี้เป็นการเสนอแนวทางเฉยๆค่ะ หวังว่าคงช่วยได้สักนิดนะคะ

ถ้าพอช่วยได้บ้างล่ะก็จะดีใจมากค่ะ

ขอบคุณที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้นะคะ





"วันที่ไม่สนุก คือวันที่เราไม่สนุกกับมัน"

เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็สนุกกับมัน

แล้วมันจะสนุกขึ้นมาเอง จริงๆนะ นึกถึงแต่เรื่องสนุกๆที่จะทำหรือได้รับล่ะ


-  THE END -





วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ภาษาวิบัติ: อะไร หรือ อัลไร กันแน่ที่วิบัติ?



สวัสดีค่ะ!

พอดีนอนไม่หลับเลยลุกขึ้นมานั่งเขียนบล็อก

ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าถ้าข้อมูลเหล่านี้ผิดยังไง

ก็ต้องขออภัยอย่างสูง และขอคำแนะนำด้วยนะคะ



เรื่องมันมีอยู่ว่า

นั่งเรียนภาษาไทยอยู่ และเรียนเกี่ยวกับคำในภาษาไทยในสมัยก่อนกับปัจจุบันค่ะ

ไปสะดุดอยู่คำนึงที่คุณครูยกตัวอย่างมาให้ คือคำว่า

"อะไร"

เมื่อสมัยก่อนนู้นนนเลย ที่จริงแล้วเราไม่ได้พูดว่า 'อะไร' เหมือนสมัยนี้

แต่เป็น

"อัลไร"

ต่างหากล่ะ อัลไรที่เพี้ยนมาเรื่อยๆจนปัจจุบันนี้กลายเป็น 'อะไร' ไปโดยปริยาย

สรุปแล้วที่เราพูดกันปาวๆว่า

"อัลไรมันเป็นภาษาวิบัติ!"

ที่จริงแล้วคำไหนกันแน่ที่วิบัติกันหนอ!!!





#นานๆทีจะเขียนบล็อกที่มีสาระในรอบปี....

- ขอบคุณที่อ่านค่ะ -